การบำรุงรักษาเครื่องดับเพลิง

เครื่องดับเพลิง เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญต่อชีวิต และทรัพย์สินเป็นอย่างยิ่ง จึงควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว นานขั้นตอนที่สำคัญในการบำรุงรักษา คือ

  1. ไม่ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงไว้ในพื้นที่อุณหภูมิสูง มีควาชื้น หรือเกิดความสกปรกได้ง่าย เช่น ตากแดด ตากฝน ติดตั้งใกล้จุดกำเนิดความร้อนต่างๆอาทิ หม้อต้มน้ำ เครื่องจักรที่มีความร้อนสูง เตาหุงต้ม ห้องอบต่างๆ เป็นต้น
  2. ทำความสะอาดตัวถังและอุปกรณ์ประกอบ (สายฉีด,หัวฉีด)เป็นประจำ สม่ำเสมอ (อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง) เพื่อให้ดูดีมีระเบียบและพร้อมใช้งาน
  3. หากเป็น เครื่องดับเพลิงผงเคมีแห้ง ควรเคลื่อนผงเคมีที่บรรจุอยู่ภายใน โดยยกถังพลิกคว่ำ-พลิกหงาย 5-6 ครั้ง (จนแน่ใจว่าผงเคมีแห้งไม่จับตัวเป็นก้อน) อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
  4. ตรวจสอบสลากวิธีใช้ ป้ายบอกจุดติดตั้ง ป้าย แสดงกำหนดการบำรุงรักษา และผู้ตรวจสอบ (Maintenance Tag ) ให้สามารถอ่านออกได้ชัดเจนตลอดเวลา

ไฟแยกประเภทได้ชั้นได้ อยู่ 5 ชั้นคือ A,B,C,D,K ตามตารางข้างล่างนี้

Classification Fire Description
Class A ไฟประเภท เอ : มีสัญลักษณ์เป็น รูปตัว A สีขาวหรือดำ อยู่ในสามเหลี่ยมสีเขียว
ไฟประเภท A คือ ไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็นของแข็งเชื้อเพลิงธรรมดา เช่น ฟืน ฟาง ยาง ไม้ ผ้า กระดาษ พลาสติก หนังสัตว์ ปอ นุ่น ด้าย รวมทั้งสิ่งมีชีวิต
วิธีดับไฟประเภท A ที่ดีที่สุด คือ การลดความร้อน (Cooling) โดยใช้น้ำ
Class B ไฟประเภท บี มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว B สีขาวหรือดำ อยู่ในรูปสี่เหลี่ยม สีแดง
ไฟประเภท B คือ ไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็นของเหลวและก๊าซ เช่น น้ำมันทุกชนิด แอลกอฮอล์ ทิเนอร์ ยางมะตอยจารบี และก๊าซติดไฟทุกชนิด เป็นต้น
วิธีดับไฟประเภท B ที่ดีที่สุด คือ กำจัดออกซิเจน ทำให้อับอากาศ โดยคลุมดับ ใช้ผงเคมีแห้ง ใช้ฟองโฟมคลุม
Class C ไฟประเภท ซี มีสัญลักษณ์เป็นรูป C สีขาวหรือดำ อยู่ในวงกลมสีฟ้า
ไฟประเภท C คือ ไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็นของแข็งที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด การอาร์ค การสปาร์ค
วิธีดับไฟประเภท C ที่ดีที่สุด คือ ตัดกระแสไฟฟ้า แล้วจึงใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ น้ำยาเหลวระเหยที่ไม่มี CFC ไล่ออกซิเจนออกไป
Class D ไฟประเภท ดี มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว D สีขาวหรือดำ อยู่ในดาว 5 แฉก สีเหลือง
ไฟประเภท D คือไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็นโลหะและสารเคมีติดไฟ เช่น วัตถุระเบิด,ปุ๋ยยูเรีย (แอมโมเนียมไนเตรต), ผงแมกนีเซียม ฯลฯ
วิธีดับไฟประเภท D ที่ดีที่สุด คือ การทำให้อับอากาศ หรือใช้สารเคมีเฉพาะ (ห้ามใช้น้ำเป็นอันขาด) ซึ่งต้องศึกษาหาข้อมูลแต่ละชนิดของสาร เคมีหรือโลหะนั้นๆ
Class K ไฟประเภท เค มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว K สีขาว อยู่ในรูปแปดเหลี่ยมสีดำ
ไฟประเภท K คือไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็นโลหะติดไฟ น้ำมันติดไฟ ออกแบบมาสำหรับใช้งานในห้องครัวโดยเฉพาะ
วิธีดับไฟประเภท K ที่ดีที่สุด คือ การทำให้อับอากาศ หรือใช้สารเคมีเฉพาะ (ห้ามใช้น้ำเป็นอันขาด)

อัตราการดับเพลิง (Fire Rating)

การกําหนดอัตราการดับเพลิงของเครื่องดับเพลิงมือถือ จะมีการอ้างอิงการทดสอบตามมาตรฐานของ Underwriter’s Laboratories Inc. (UL) ประเทศ สหรัฐอเมริกา โดยให้สถาบันที่เชื่อถือได้เป็นผู้ทําการทดสอบหรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องดับเพลิงมือถือชนิดผงเคมีแห้ง ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 1970 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตารางที่ 4.3.3 เป็นตัวอย่างการกําหนดอัตราการดับเพลิงของ เครื่องดับเพลิงมือถือ สามารถนําไปดับไฟประเภท ก (Class A) โดยทดสอบกับไม้ที่มีขนาดต่างๆกัน ดังตารางข้างล่าง

ตารางแสดงอัตราการดับเพลิงของ เครื่องดับเพลิงมือถือ ไฟประเภท A

table-fire

คุณสมบัติของสารดับเพลิงแบบต่างๆ

คุณสมบัติของสารดับเพลิง ผงเคมีแห้ง

  1. ใช้ในการดับเพลิงประเภท A , B และ C
  2. ผงเคมีแห้งไม่เป็นสื่อของกระแสไฟฟ้าจึงดับไฟประเภท C ได้แต่ควรจะพิจารณา เช่น ถ้า เป็นห้องปฏิบัติการด้านคอมพิวเตอร์ไม่ควรใช้เนื่องจากจะก่อให้เกิดความเสีย หายต่อวงจรไฟฟ้าส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นเกลืออ่อน
  3. ผงเคมีแห้งให้ผลในการคลุมดับไฟได้ดีเพราะผลการกระจายตัวออกมามีผลในการคลุมดับไฟได้มากและยังหนักกว่าอากาศ จึงสกัดกั้นออกซิเจนในอากาศในการที่จะทำปฏิกิริยากับเชื้อเพลิงได้ดี
  4. ผงเคมีแห้งจึงมีลักษณะในการกำบังความร้อนของผู้ใช้ โดยที่ผงเคมีมีลักษณะการทำปฏิกริยากับความร้อนมุ่งกระจายออกไปยังมีความเย็นจากการเป็นน้ำแข็งแห้งประมาณร้อยละ 30 ช่วยป้องกันความร้อนของผู้ใช้แต่ไม่สามารถดูดกลืนความร้อนได้ดีเท่าน้ำ เพราะดูดกลืนได้เพียง 94 กิโลแคลอรีเท่านั้น จึงไม่สามารถใช้ในการลดอุณหภูมิได้ดีเท่ากับน้ำแล้วดูดกลืนความร้อน เช่น ปฏิกิริยาของผงโซเดียมไบคาร์บอเนตทำปฏิกิริยากับความร้อน บางส่วนจะสลายตัวเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ โซเดียมไบคาร์บอเนต 1 ปอนด์ ต่อ 4.5 ลูกบาศก์ฟุต ออกมาช่วยคลุมดับ
  5. สะดวกในการใช้และการบำรุงรักษา รวมทั้งยังมีอายุการใช้งานได้ยาวนานเพราะตัวยาไม่เสื่อมคุณภาพ
  6. ผงเคมีแห้งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะทำปฏิกิริยากับความร้อนแล้วไม่เกิดก๊าซพิษมากนักและคุณสมบัติของผงเคมีเป็นเกลืออ่อน ผงเคมีแห้งที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้แยกออกตามคุณสมบัติในการดับไฟได้ 2 ประเภท คือ
    1. ประเภทธรรมดา ( Ordinary Dry Chemicals ) ใช้ในการดับเพลิงประเภท B C ซึ่งมีตัวผงเคมีที่ใช้เป็นหลัก ดังนี้คือ ผงเคมีแห้งที่มีตัวผงเคมีโซเดียมไบคาร์บอเนต โปตัสเซียมไบคาร์บอเนต โปรตัสเซียมซัลเฟตและโปรตัสเซียมคลอไรด์
    2. ประเภทอเนกประสงค์ ( Multi Purpose Dry Chemicals ) ใช้ในการดับไฟประเภท A , B และ C ผงเคมีที่ใช้เป็นหลักคือ ผงเคมีแห้งที่มีตัวผงแอมโมเนียมฟอสเฟต

คุณสมบัติของสารดับเพลิง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ (CO2)

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซเฉื่อย ไม่ช่วยในการลุกไหม้มีความหนาแน่นไอ 1.5 เท่าคือหนักกว่าอากาศ 1.5 เท่าและไม่เป็นสื่อของกระแสไฟฟ้า การดับเพลิงจึงได้ผลในการคลุมดับโดยที่ก๊าซกระจายตัวออกไปและหนักกว่าอากาศ จึงปิดกั้นออกซิเจนในอากาศที่จะเข้าทำปฏิกิริยากับเชื้อเพลิง หรือทำให้อัตราส่วนผสมของไอเชื้อเพลิงกับอากาศไม่พอเหมาะที่จะถึงขั้นจุดติดไฟได้

คุณสมบัติของสารดับเพลิง น้ำ

คุณสมบัติในการดับเพลิงเป็นคุณสมบัติของน้ำที่สามารถดูดกลืนความร้อนหรือลด อุณหภูมิของเชื้อเพลิงซึ่งน้ำสามารถดูดกลืนความร้อนได้ถึง 116 กิโลแคลอรี และการที่จะฉีดน้ำเป็นละอองน้ำเพิ่มขึ้น 170 เท่า น้ำจะไปควบคุมเพลิงไหม้ให้เย็นตัวลงและซึมเข้าไปในเชื้อเพลิงที่กำลังลุกไหม้ และถ่ายเทความร้อนจากเชื้อเพลิงจนอุณหภูมิต่ำกว่าจุดติดไฟ ไฟจึงดับลง

ข้อพึงระวังในการใช้เครื่องดับเพลิงมือถือ

เครื่องดับเพลิงมือถือ ไม่ควรมีน้ำหนักเกิน 40 ปอนด์ การติดตั้งต้องมองเห็นได้เด่นชัดและต้องตรวจตราซ่อมบำรุงให้ใช้ได้ตลอดเวลา ควรตรวจดูอย่างน้อยเดือนละครั้ง ต้องติดตั้งไม่ให้สูงจากพื้นไม่ต่ำกว่า 1 เมตรและไม่ควรสูงเกินกว่า 1.40 เมตร สะดวกแก่การเข้าไปหยิบใช้

ซึ่งมีข้อควรคำนึงอยู่ 5 ประการ

  1. การใช้เครื่องดับเพลิงมือถือ ต้องให้ถูกต้องกับประเภทของไฟและบริเวณพื้นที่ ซึ่งต้องให้คุ้มครองป้องกันอัคคีภัยต่อเครื่องดับเพลิง 1 เครื่องและให้จำนวนเครื่องดับเพลิงมากกว่า 1 เครื่อง ตามสัดส่วนของพื้นที่และเศษของพื้นที่ที่เหลือให้นับเป็นพื้นที่เศษส่วน
  2. จำนวน ของเครื่องดับเพลิงเคมีต่อพื้นที่ต้องให้เหมาะสมและพอเพียงกับความต้องการใน การป้องกันอัคคีภัยตามกำหนดปริมาณเครื่องดับเพลิงต่อพื้นที่
  3. น้ำเป็นตัวที่ดับเพลิงได้ดีที่สุดในการป้องกันอาคารและดับเพลิงประเภทธรรมดาเนื่องจากหาได้ง่าย
  4. สำหรับไฟที่เกิดจากของเหลวที่ติดไฟง่ายหกเรี่ยราดนั้น
  5. ใช้ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งจะดีที่สุด แต่คาร์บอนไดออกไซด์หรือบีซีเอฟ ( BCF ) ก็ใช้ได้ในบางกรณีสำหรับของเหลวที่ติดไฟได้ไหม้ในถังหรือภาชนะนั้นการใช้แบบโฟม (ฟอง ) นั้นถือว่าดีที่สุด
  6. สำหรับไฟที่ไหม้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังมีกระแสไฟอยู่ให้ใช้คาร์บอนไดออกไซด์หรือบีซีเอฟ ( BCF ) เครื่องดับเพลิงชนิดที่เป็นไอของเหลวนั้นเหมาะสำหรับไฟเล็กๆที่ไหม้ของเหลวติดไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้า แต่ก็ไม่ควรใช้ในที่อับเพราะไอของเหลวนั้นจะมีพิษ